MITSUBISHI - LANCER - GLXi มิตซูบิชิ - แลนเซอร์
MITSUBISHI - LANCER - GLXi
ปี1996 -2002 โฉมท้ายเบนซ์ เกียร์อัตโนมัติ เครื่องเบนซิน 1500cc-1800cc
ราคาตั้งแต่120000-260000แล้วแต่สภาพ และขนาดความจุเครื่อง มีตั้งแต่1500-1800 cc
ความเห็นส่วนตัว>>
คันนี้รถเก่าหน่อยแต่ยังโอเคอยู่
ถ้ารักรถจริงๆก็เอามาทำข้างในใหม่หน่อยเพราะรถเก่าข้างในจะมีกลิ่นหืนๆ
ก็ควรจะนำเบาะและพรมที่อยู่ในรถออกมาทำความสะอาด โดยจ้างศูนย์ทำความสะอาด
ราคารวมทั้งซักพรมซักเบาะก็ตกราคาประมาณ 2500 บาท
พอได้รถมาก็ควรจะนำรถไปเปลียนของเหลวใหม่
เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าเจ้าของรถคนเก่าเค้าเปลี่ยนของเหลวครั้วล่าสุดเมื่อไร
(ของเหลวในที่นี้หมายถึง น้ำมันเครี่อง.น้ำกลั่น.น้ำในหม้อน้ำ.เป็นต้น)
แล้วก็ควรจะเช็คช่วงล่างว่าแน่นหรือหลวมครอกแครก
เพราะถ้าช่วงล่างไม่ดีโอกาสเกิดอุบัติเหตูสูงและแนะนำอีกนิด
รถเก่าอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจะมากกว่ารถใหม่อยู่นิดนึง
ถ้าอยากประหยัดควรติดแก๊สแค่นี้ก็นำรถออกมาใช้งานได้สบายๆ
โฉมนี้ แลนเซอร์ออกแบบมาคล้ายคลึงกับโฉมที่ 6 อย่างมาก ข้อแตกต่างที่เห็นเด่นๆ จะมีอยู่สองจุดคือ ไฟท้าย ซึ่งจะมีลักษณะเป็นก้อน ต่างจากโฉมที่ 6 ซึ่งมีไฟท้ายเป็นแถบคาด และไฟหน้าของโฉมที่ 7 จะเหลี่ยมกว่า โฉมที่ 6 ส่วนอื่นคล้ายกันมาก เมื่อมองเผินๆ จะนึกว่าเป็นโฉมเดียวกัน ดังนั้น ในวงการรถไทยจึงตั้งชื่อโฉมว่า โฉมท้ายเบนซ์ เพื่อแยกความแตกต่างออกจากโฉม E-CAR
ส่วนสิ่งที่ Lancer ท้ายเบนซ์ ต่างจาก E-CAR คือ เครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง เป็น Invects II ระบบใหม่ และเครื่องยนต์ที่เพิ่มปริมาตรกระบอกสูบ แบ่งรุ่นย่อย ดังนี้
1.5 GLXi
1.6 GLXi
และต่อมาได้แตกออกมาเป็นรุ่น F-Style โดยมีเครื่องยนต์ปริมาตรความจุ ดังนี้
1.6 GLXi Limited
1.8 SEi Limited
อย่างไรก็ตาม โฉมนี้ก็จัดเป็นอีกโฉมหนึ่ง ที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย มีการนำไปแต่งเป็นรถสปอร์ต นอกเหนือจากการใช้เป็นรถส่วนตัวและรถครอบครัว เช่นเดียวกับโฉมเดิม และปัจจุบัน ก็ยังสามารถพบเห็นรถโฉมนี้ได้ทั่วไปเช่นกัน และมิตซูบิชิยังผลิตแลนเซอร์รุ่นที่ 7 จากโรงงานส่งป้อนตลาดอยู่ในบางประเทศ เช่น ประเทศเวเนซูเอลา ถึงแม้จะออกแบบมานานถึง 16 ปีแล้ว มีการไมเนอร์เชนจ์เมื่อปี 2542 และไมเนอร์เชนจ์อีกครั้งเป็นรุ่น F-Style เมื่อปี 2543
รุ่นนี้เข้ามาในประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2539-2544
Show
0 Comments
prev
next